อากาศร้อนๆ แบบนี้ อาจทำให้หลายๆ คนมองหากิจกรรมหรือวิธีคลายร้อนกันอยู่ วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คลายร้อนได้ง่ายๆ แถมอิ่มท้องอีกด้วย นั่นก็คือการดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ หรือทานผลไม้แก้กระหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "แตงโม" ถือเป็นผลไม้ที่มีปริมาณของน้ำสูงรับประทานแล้วชื่นใจ
ดร.ปวีณา ไตรเพิ่ม อาจารย์ประจำ ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้ว่า แตงโม เป็นไม้เกาะเลื้อยล้มลุกในกลุ่มเดียวกันกับแตงกวา น้ำเต้า ฟักทอง ซึ่งนักพฤกษ ศาสตร์จัดให้อยู่ในวงศ์แตง (Family Cucurbitaceae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Citrullus lanatus (Thunb.) Matsum. & Nakai ในผลแตงโมมีสารสำคัญสีแดงที่เรียกว่า "ไลโคปีน" (Lycopene) เป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ซึ่งเป็นสารแอนตี้ ออกซิแดนท์ (Anti oxidant) ที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งและโรคหัวใจ อีกทั้งเบตา แคโรทีน (B-Carotene) ที่มีในเนื้อแตงโมเป็นสารที่ร่างกายใช้เพื่อเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจและระบบขับปัสสาวะ ช่วยทำให้ผิวพรรณและผมแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยเรื่องการมองเห็นอีกด้วย
สารสำคัญอีกชนิดหนึ่งคือสาร 'ซิทรูไลน์' (Citruline) ช่วยขยายเส้นเลือดดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและยังเป็นประโยชน์สำหรับคนเป็นโรค อ้วนและเบาหวาน โดยจะพบสารซิทรูไลน์ในเปลือกมากกว่าส่วนของเนื้อ ฉะนั้นการรับประทานแตงโมที่มีส่วนขาวๆ ของเปลือกติดไปด้วยจึงได้ประโยชน์ที่ดีมากกว่าที่จะเฉือนออกทิ้ง ที่สำคัญสาวๆ ที่กำลังลดความอ้วนอยู่ก็สามารถเลือกรับประทานแตงโมได้เนื่องจากมีแคลอรีต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น ธาตุโพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต วิตามินซีช่วยป้องกันไข้หวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งโมเลกุลของน้ำตาลและกรดอะมิโนอีกเล็กน้อย ช่วยในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามแตงโมเป็นพืชที่ถูกรบกวนได้ง่ายจากแมลง ชาวสวนจึงนิยมฉีดยาฆ่าแมลงเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะผ่าแตงโมรับประทานควรจะล้างเปลือกให้สะอาดเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นแตงโมพันธุ์สีแดงหรือสีเหลือง ผลกลมหรือผลรีก็ตาม เพื่อป้องกันสารพิษตกค้างซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น